บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 1
วันพุธที่ 11 มกราคม 2560
วันนี้เป็นอาทิตย์แรกที่เริ่มเรียนในรายวิชานี้ อาจารย์พูดคุยถามไถลนักศึกษา จากนั้นก็แจกแผ่นปั๊มมาเรียน และแจก Course Syllabus พร้อมกับอธิบายแนวการสอน และข้อตกลงต่างๆร่วมกัน หลังจากนั้นอาจารย์ก็เริ่มสอนเข้าสู่เนื้อหาในรายวิชา
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
➩ เด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ ( Early Childhood with special needs )
ความหมายของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
1. ทางการแพทย์
มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า
“เด็กพิการ” หมายถึง เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง
สูญเสีย สมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย
การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ
2. ทางการศึกษา
ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า หมายถึง เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการที่่ใช้และการประเมินผล
ให้ความหมายเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า หมายถึง เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการที่่ใช้และการประเมินผล
➠สรุปได้ว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษหมายถึง เด็กที่จะต้องให้ความช่วยเหลือ เพื่อที่จะให้เขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
➤พัฒนาการ
•การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล
•ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
➤เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
•เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
•พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
หลายด้าน หรือทุกด้าน
•พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้
➤ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
•ปัจจัยทางด้านชีวภาพ
•ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด
•ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
•ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด
➤สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. พันธุกรรม
เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิดหรือสังเกตได้ชั่วระยะไม่นานหลังเกิด
มักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย
Cleft Lip / Cleft Palate (ปากแหว่ง/เพดานโหว่) Neurofbromatosis (โรคเท้าแสนปม)
Cleft Lip / Cleft Palate (ปากแหว่ง/เพดานโหว่) Neurofbromatosis (โรคเท้าแสนปม)
Albinism (โรคผิวเผือก)
Thalassaemia (โรคเลือดจางหรือทาลัสซีเมีย)
2. โรคของระบบประสาท
-เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการส่วนใหญ่มักมีอาการหรือ อาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย
-ที่พบบ่อยคืออาการชัก
3. การติดเชื้อ
-การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์
น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กกว่าปกติ อาจมีตับม้ามโต การได้ยินบกพร่อง
ต้อกระจก
-นอกจากนี้การติดเชื้อรุนแรงภายหลังเกิด
เช่น สมองอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ เป็นสาเหตุที่พบได้บ้าง
4.
ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
-โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทย
คือ ไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำ
5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
-การเกิดก่อนกำหนด
น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย และภาวะขาดออกซิเจน
6. สารเคมี
-ตะกั่วเป็นสารที่มีผลกระทบต่อเด็กและมีการศึกษามากที่สุด
-มีอากาศซึมเศร้า เคลื่อนไหวช้า
ผิวดำหมองคล้ำเป็นจุดๆ
-ภาวะตับเป็นพิษ
-ระดับสติปัญญาต่ำ
6.1 แอลกอฮอล์
-น้ำหนักแรกเกิดน้อย
-มีอัตราการเพิ่มน้ำหนักหลังเกิดน้อย
ศีรษะเล็ก
-พัฒนาการของสติปัญญาก็มีความบกพร่อง
-เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
Fetal alcohol syndrome, FAS
1.ช่องตาสั้น 2.ร่องริมฝีปากบนเรียบ 3.ริมฝีปากบนยาวและบาง
4.หนังคลุมหัวตามาก 5.จมูกแบน 6.ปลายจมูกเชิดขึ้น
|
6.2 นิโคติน
-น้ำหนักแรกเกิดน้อย
ขาดสารอาหารในระยะตั้งครรภ์
-เพิ่มอัตราการตายในวัยทารก
-สติปัญญาบกพร่อง
-สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว
มีปัญหาด้านการเข้าสังคม
7.
การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
8.
สาเหตุอื่นๆ
อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
-มีพัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่า
1 ด้าน
-ปฏิกิริยาสะท้อน (primitive
reflex) ไม่หายไป แม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป
➤แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การซักประวัติ
-โรคประจำตัว โรคทางพันธุกรรม
-การเจ็บป่วยในครอบครัว
-ประวัติฝากครรภ์
-ประวัติเกี่ยวกับการคลอด
-พัฒนาการที่ผ่านมา
-การเล่นตามวัย
การช่วยเหลือตนเอง
-ปัญหาพฤติกรรม
-ประวัติอื่นๆ
➢เมื่อซักประวัติแล้วจะสามารถบอกได้ว่า
-ลักษณะพัฒนาการล่าช้าเป็นแบบคงที่
หรือถดถอย
-เด็กมีระดับพัฒนาการช้าหรือไม่
อย่างไร อยู่ในระดับไหน
-มีข้อบ่งชี้ว่ามีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
-สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
-ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร
2. การตรวจร่างกาย
-ตรวจร่างกายทั่วๆไปและการเจริญเติบโต
-ภาวะตับม้ามโต
-ผิวหนัง
-ระบบประสาทและวัดรอบศีรษะด้วยเสมอ
-ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (child
abuse)
-ระบบการมองเห็นและการได้ยิน
3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4.การประเมินพัฒนาการ
-การประเมินแบบไม่เป็นทางการ
➢การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
-แบบทดสอบ Denver
II
-Gesell
Drawing Test
-แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุแรกเกิด
- 5 ปี สถาบันราชานุกูล
หลังจากนั้นอาจารย์ให้นักศึกษาวาดรูปตามจากสไลน์ของอาจารย์ ถ้าหากใครวาดไม่ได้หรือไม่ใกล้เคียง แปลว่ามีความผิดปกติ แต่ละภาพตั้งแต่ 1-11 เป็นช่วงลำดับอายุที่ควรวาดภาพได้ ดังนี้
ภาพวาดของฉัน |
การนำมาประยุกต์ใช้
-สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กพิเศษที่เรียนร่วมกับเด็กปกติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และควรรู้อะไร ควรทำอย่างไร นำมาใช้อย่างไรเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ความพอดี
-สามารถนำมาเป็นความรู้เพื่อต่อยอดทางการศึกษา หรือการศึกษาต่อในอนาคตได้
ประเมินผล
ประเมินตนเอง
เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน พยายามทำความเข้าใจเนื้อหาให้ได้มากที่สุด และจดบันทึกเนื้อหาที่เป็นประเด็นสำคัญ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆส่วนใหญ่เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม และทุกคนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆเป็นอย่างดี
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เเต่งกายสุภาพ มีการเตรียมการสอนมาดี อาจารย์น่ารักเป็นกันเอง และทุกครั้งจะมีการยกตัวอย่างจากในเนื้อหา ทำให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น