Turnip

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
วันพุธที่ 22 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 8.30-12.30 น.
เนื้อหาที่เรียน
  การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
- เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
- ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 
- เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
  - เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
  - เกิดผลดีในระยะยาว
  - เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
  - แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program; IEP)
  - โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
  - การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน  (Activity of Daily Living Training)
  - การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
  - การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
 3. การบำบัดทางเลือก
  - การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
  - ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
  - ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
  - การฝังเข็ม (Acupuncture)
  - การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
    • การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
    • โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
    • เครื่องโอภา (Communication Devices)
    • โปรแกรมปราศรัย 
Picture Exchange Communication System (PECS)

บทบาทของครู
• ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
• ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
• จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
• ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง 
🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋🐋
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
  1. ทักษะทางสังค
      -เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
      -การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
    กิจกรรมการเล่น
      -การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
      -เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
      -ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
   ยุทธศาสตร์การสอน
      - เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
      - ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
      - จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
      - ครูจดบันทึก
      - ทำแผน IEP
   การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
      - วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
      - คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
      - ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
      - เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ
   ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่
      - อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
      - ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
      - ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
      - เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
      - ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
   การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
     - ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
     - ทำโดย “การพูดนำของครู”
   ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
    - ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
    - การให้โอกาสเด็ก
    - เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
    - ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
  2. ทักษะภาษา
    การวัดความสามารถทางภาษา
     - เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
     - ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
     - ถามหาสิ่งต่างๆไหม
     - บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
     - ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
    การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
     - การพูดตกหล่น
     - การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
     - ติดอ่าง
    การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
     - ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
     - ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
     - อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
     - อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
     - ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่
     - เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
   ทักษะพื้นฐานทางภาษา
     - ทักษะการรับรู้ภาษา
     - การแสดงออกทางภาษา
     - การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด
พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา
พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก 
   ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
     - การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
     - ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
     - ให้เวลาเด็กได้พูด
     - คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
    - เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
    - เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
    - ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
    - กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
    - เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
    - ใช้คำถามปลายเปิด
    - เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
    - ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)

  3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
   เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
    - การกินอยู่ 
    - การเข้าห้องน้ำ 
    - การแต่งตัว 
    - กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
   การสร้างความอิสระ
    - เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
    - อยากทำงานตามความสามารถ
    - เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่
  ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
    - การได้ทำด้วยตนเอง
    - เชื่อมั่นในตนเอง
    - เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
  หัดให้เด็กทำเอง
   - ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
   - ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
   - ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ  “ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ”
  จะช่วยเมื่อไหร่
    - เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
   - หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
   - เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
   - มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม 
   -ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
    - แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
    - ย่อยงาน
    - เรียงลำดับตามขั้นตอน
ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)
ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)
ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)
ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)
  การเข้าส้วม
    - เข้าไปในห้องส้วม
    - ดึงกางเกงลงมา
    - ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
   - ปัสสาวะหรืออุจจาระ
   - ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
   - ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
   - กดชักโครกหรือตักน้ำราด
   - ดึงกางเกงขึ้น
   - ล้างมือ
   - เช็ดมือ
  - เดินออกจากห้องส้ว
สรุป
 - ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
 - ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
 - ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
 - ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
 - เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ

  4.ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
    เป้าหมาย
     - การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
     - มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
     - เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
     - พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
     - อยากสำรวจ อยากทดลอง
   ช่วงความสนใจ
    -ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
    - จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร
   การเลียนแบบ
   การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
    - เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
    - เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
    - คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
   การรับรู้ การเคลื่อนไหว
    - ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น
    - ตอบสนองอย่างเหมาะสม
  การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก

     - การกรอกน้ำ ตวงน้ำ     - ต่อบล็อก     - ศิลปะ     - มุมบ้าน     - ช่วยเหลือตนเอง

   ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ

     - ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่

     - รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก

   ความจำ
     - จากการสนทนา
    - เมื่อเช้าหนูทานอะไร
    - แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
    - จำตัวละครในนิทาน
    - จำชื่อครู เพื่อน
    - เล่นเกมทายของที่หายไป
  การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
   - จัดกลุ่มเด็ก
   - เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
   - ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
   - ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
   - ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
   - ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
   - บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
   - รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
   - มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
   - เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
   - พูดในทางที่ดี
  - จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
  - ทำบทเรียนให้สนุก
💝💝💝💝💝💝💝💝💝💝💝💝
การนำไปประยุกต์ใช้
   -สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้สำหรับการจัดการเรียนการสอนการเรียนรวมระหว่างเด็กพิเศษกับเด็กปกติได้ถูกต้อง และมีความเหมาะสม   
   -นำไปใช้ในการเรียนการสอนในอนาคต และต่อยอดทางการศึกษาต่อในระดับสูงต่อไป

ประเมินผล
 ประเมินตนเอง
   มารอเรียนก่อนเวลาเรียน แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม พยายามทบทวนเนื้อหาเวลาไม่เข้าใจในเนื้อหาบางส่วน

 ประเมินเพื่อน
   เพื่อนๆตั้งใจเรียน ไม่พูดคุยกันเสียงดัง ทุกคนให้ความร่วมมือในการตอบคำถามต่างๆจากอาจารย์ และจดบันทึกเนื้อหาต่างๆ

 ประเมินอาจารย์
   อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย อธิบายเนื้อหาอย่างละเอียด และมีการยกตัวอย่างเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น