Turnip

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560
เวลาเรียน 8.30-12.30 น.
เนื้อหาที่เรียน
   ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
6. เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities)
        -เรียกย่อ ๆ ว่า L.D. (Learning Disability)-เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
        -ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
    สาเหตุของ LD

          -ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพ ตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)

      ๐ กรรมพันธุ์
         1. ด้านการอ่าน (Reading Disorder)    
            -หนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ  
            -อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
   ตัวอย่าง
       

               หาว  → หาม/หา       
               ง่วง → ม่วง/ม่ง/ง่ง        
               เลย → เล       
               อาหาร → อาหา
               เก้าอี้ → อี้       
               อรัญ → อารัย
          ลักษณะของเด็ก LD ด้านการอ่าน
             -อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
             -อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
             -เดาคำเวลาอ่าน
             -อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
             -อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
             -ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
             -ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
             -เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
         2. ด้านการเขียน (Writing Disorder)
           -เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น จาก ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
           -เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
           -เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ
         ลักษณะของเด็ก LD ด้านการเขียน
            -ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
            -เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
            -เขียนพยัญชนะหรือตัวเลขสลับกัน เช่น ม-น, ภ-ถ, ด-ค, พ-ผ, b-d, p-q, 6-9
            -เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้ แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆได้
             -เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
            -เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด  
            -จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก  
            -สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์  
            -เขียนหนังสือช้าเพราะกลัวสะกดผิด  
            -เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ 
            -ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
            ตัวอย่าง        
                ปาลแผล → บาดแผล
                รัมระบาล → รัฐบาล
                ผีเสื้อมดุร → ผีเสื้อสมุทร
                ไกรรง → กรรไกร
                เกสรกะ → เกษตรกร
                ดักทุก → บรรทุก

           3. ด้านการคิดคำนวณ (Mathematic Disorder)   
              -ตัวเลขผิดลำดับ   
              -ไม่เข้าใจเรื่องการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ   
              -ไม่เข้าหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย   
               -แก้โจทย์ปัญหาเลขไม่ได้       
                    ตัวอย่าง     16 + 8 = 24
วิธีคิด

                   
                            เด็กปกติ                                          เด็กพิเศษ  
    ลักษณะของเด็ก LD ด้านการคำนวณ
        -ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสิบร้อยพันหมื่นเป็นเท่าใด  
        -นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้-คำนวณบวกลบคูณหารโดยการนับนิ้ว
        -จำสูตรคูณไม่ได้
        -เขียนเลขกลับกันเช่น13เป็น31
        -ทดไม่เป็นหรือยืมไม่เป็น
        -ตีโจทย์เลขไม่ออก-คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
        -ไม่เข้าใจเรื่องเวลา
     4. หลายๆ ด้านร่วมกัน อาการที่มักเกิดร่วมกับ LD
          -แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
          -มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา-เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
          -งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี-การประสานงานของสายตา
         -กล้ามเนื้อไม่ดี-สมาธิไม่ดี (เด็ก LD ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
         -เขียนตามแบบไม่ค่อยได้-ทำงานช้า
         -การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี-ฟังคำสั่งสับสน 
         -คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
         -ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน-ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
         -ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา-ทำงานสับสนไม่เป็นขั้นตอน
7. ออทิสติก (Autistic)

-หรือ ออทิซึ่ม (Autism)
-เด็กที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
-ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
-ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม-เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเองติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"
👀👄👉👀👄👉👀👄👉👀👄👉👀👄👉
ทักษะภาษาทักษะทางสังคมทักษะการเคลื่อนไหวทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่
     ลักษณะของเด็กออทิสติกอยู่ในโลกของตนเองไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน ไม่ยอมพูดเคลื่อนไหวแบบซ้ำๆดูหน้าแม่หันไปตามเสียงเรียนรู้คำพูดเพิ่มเติมร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้จำหน้าแม่ได้เปลี่ยนของเล่นเคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมายสำรวจและเล่นตุ๊กตาชอบความสุขและกลัวความเจ็บ
      เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติก  
องค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างน้อย 2 ข้อ
             –ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น       
             –ไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย       
             –ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุก สนานร่วมกับผู้อื่น     
             –ขาดทักษะการสื่อสารทางสังคมและทางอารมณ์กับบุคคลอื่น

        ความผิดปกติด้านการสื่อสารอย่างน้อย 1 ข้อ      
             –มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด      
             –ในรายที่สามารถพูดได้แล้วแต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม     
             –พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม     
             –ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือเล่นลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรมที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ     
             –มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ    
             –มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำโดยไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์     
              –มีการเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำๆ     
              –สนใจเพียงบางส่วนของวัตถุ
⚪พฤติกรรมการทำซ้ำ
           นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง     
           ▷นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน    
           ▷วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น     
           ▷ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
พบความผิดปกติอย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)   
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม   
การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย   
การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
❌ไม่สามารถวินิจฉัยให้เข้าข่ายโรคใดๆได้❌
👇👇👇👇👇👇👇👇


ออทิสติกเทียม

                         •ปล่อยให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลหรืออยู่กับผู้สูงอายุ                         
                         •ปล่อยให้ลูกอยู่กับไอแพด                         
                         •ดูการ์ตูนในทีวี

Autistic Savant
      •กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (visual thinker) จะใช้การการคิดแบบอุปนัย (bottom up thinking)
      •กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (music, math and memory thinkerจะใช้การคิดแบบนิรนัย (top down thinking)


บุคคลที่มีความสามารถ
1.Iris Grace


      2.Daniel tammel เก่งด้านงานศิลปะ

      3.Kim Peek มีความสามารถด้านการคิดคำนวณโดยใช้สี

      4.Tony Deblois มีความสามารถในการอ่านและจดจำ

      5.Alonzo Clemons มีความสามารถด้านดนตรี

      6.Stephen Wiltshire มีความสามารถในการวาดผังเมือง

❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

     การนำมาประยุกต์ใช้

       -สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กพิเศษที่เรียนร่วมกับเด็กปกติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และควรรู้อะไร ควรทำอย่างไร นำมาใช้อย่างไรเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ความพอดี
-สามารถนำมาเป็นความรู้เพื่อต่อยอดทางการศึกษา หรือการศึกษาต่อในอนาคตได้

ประเมินผล
   ประเมินตนเอง
       เข้าเรียนเช้า แต่งการเรียบร้อย ตั้งใจเรียน

    ประเมินเพื่อน
       เพื่อนตั้งใจเรียน และช่วยกันตอบคำถาม ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ

   ประเมินอาจารย์
      อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีการเตรียมการเรียนการสอนมาดี





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น